5 สูตรสวยด้วยเกลือ
ทราบหรือไม่ว่า เกลือก็สามารถทำให้สวยได้ วันนี้มี 5 สูตรสวยด้วยเกลือมาฝากกัน...
1. ลดรอยช้ำรอบดวงตา
ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อนครึ่งถ้วย จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือมาปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆจางลง
2. หน้ามันน้อยลง
ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน ต่อจากนั้นใส่น้ำลงในขวดสเปรย์ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา เขย่า ให้เกลือละลายแล้วฉีดเกลือใส่หน้าให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง
3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว
ผสมเกลือ 1/2 ถ้วยลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวซ้ำ เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น
4. ขัดผิวให้สวยใส
โดยใช้เกลือผงถูตัวแล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวให้ทั่วช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย
5. ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า
ผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น นั่งแช่เท้าประมาณ 30 นาที วิธีนี้เหมาะกับคนที่เดินนาน ๆ รวมทั้งสาว ๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดวัน
สูตร! ผมสวยด้วยสมุนไพรสมุนไพรอยู่ใกล้ๆ ตัวไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก หรือผลไม้ ที่หาได้ง่ายๆ จากก้นครัวสามารถช่วยทำให้ "ผมสวย" ได้ไม่แพ้กับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาส่วนใหญ่ค่อนข้างแพงที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด แค่เพียงมีขั้นตอนในการนำมาใช้ที่สะดวกกว่าเท่านั้น เช่น การบีบออกจากขวด แต่ข้อดีคือสารสำคัญที่มีผลบำรุงผมนั้นยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น "ผมสวยด้วยสมุนไพร" จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนรักเส้นผมด้วยสูตรต่อไปนี้เป็นวิธีนำสมุนไพรมาใช้เพื่อให้เส้นผมสวยแลดูมีน้ำหนักด้วยวิธีต่างๆ ได้ไม่ยากเสน่ห์ผมหอมกรุ่นชวนหลงใหล
ใช้ดอกไม้มีกลิ่นหอมตามชอบใจไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สดอย่างดอกมะลิ (เลือกที่กำลังจะบาน) ดอกกุหลาบ (เลือกที่บานเต็มที่) ดอกแก้ว ดอกพุด เป็นต้น นำมาแช่ทิ้งไว้ในน้ำมันมะกอกนาน 3 - 6 ชั่วโมง ถ้าจะให้หอมมากอาจแช่ทิ้งไว้นานถึง 1 คืนก็ได้นอกจากนี้อาจจะใช้ผิวมะกรูดหรือผิวมะนาวบีบลงไปผสมด้วยเล็กน้อย จากนั้นให้นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักผมทิ้งไว้นานประมาณ 15 - 20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอาจใช้สูตรที่ทำจากดอกไม้แห้งก็ได้ โดยจะต้องนำดอกไม้แห้งไปเคี่ยวกับน้ำมันมะกอกจนได้ส่วนผสมเช่นเดียวกัน
น้ำมันมะกอก - ประกอบไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมนุ่มลื่นเงางามวิตามินเอและอีจะช่วยป้องกันการทำลายเส้นผมจากแสงแดดและอนุมูลอิสระ
ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนัก
ใช้กล้วยหอมที่สุกค่อนข้างจะงอมนำเอามายีหรือปั่นผสมกับน้ำมันมะกอก นำมาใช้หมักผมที่แห้งหมาดๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน 15 - 20 นาที เมื่อล้างออกแล้วให้ใช้มะกรูดเผาคั้นเอาน้ำมาชโลมผมนอกจากจะช่วยให้ผมมีน้ำหนักและสปริงตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้ผมมีกลิ่นหอมและไม่แห้งแตกปลายอีกด้วย
กล้วยหอม - มีองค์ประกอบของสารเพคตินที่จะช่วยเคลือบเส้นผมให้ผมนุ่มมันเงานุ่มลื่น โดยแร่ธาตุต่างๆ อาทิเช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม ฯลฯ จะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะป้องกันเส้นผมถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
บำรุงผมไม่ให้ร่วง
ป้องการผมหลุดร่วงโดยบำรุงผมให้แข็งแรงถึงรากผมด้วยการใช้ขิงแก่นำมาบดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำเอาไปอบไมโครเวฟก็ได้นำห่อขิงที่อบร้อนนั้นมาคลึงที่หนังศีรษะให้ทั่วเป็นเวลานานประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดการประคบดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ผมที่งอกขึ้นมามีรากผมที่แข็งแรง และไม่หลุดร่วง
ลดความมันของผม
ด้วยการใช้มะนาวหรือมะกรูดผสมกับน้ำเปล่านำส่วนผสมดังกล่าวมาชโลมผมแล้วไม่ต้องล้างออกอาจใช้สูตรน้ำส้มสายชูแทนได้แต่ต้องล้างออก
มะกรูด - มีองค์ประกอบของสารไนอาซีน เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดอินทรีย์อื่นๆ ที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะทำให้เส้นผมนุ่มมีน้ำหนักเงางามดกดำ และไม่มีรังแคช่วยปรับค่า pH ของเส้นผมที่มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้แชมพูอีกทั้งยังช่วยบำรุงผมไม่ให้หงอกก่อนวัย
ปกป้องผมจากรังแค
หากอยากมีเรือนผมสุขภาพดีที่ปราศจากรังแคและอาการคันศีรษะ หลังจากสระผมปกติแล้วให้ใช้น้ำซาวข้าวเหนียวหรือข้าวกล้องปริมาณ 1 ถ้วย นำมะกรูดเผากับมะนาวประมาณ 3 - 4 ผล มาแช่ในน้ำซาวข้าวดังกล่าวแล้วบีบเอาน้ำออกนำมาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาทีแล้วไม่ต้องล้างออก
ฟื้นฟูผมเสียสู่สภาพปกติ
บำรุงผมเสียให้กลับคืนสู่ผมที่มีสุขภาพดีได้ด้วยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกนำไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาหมักผมไว้เป็นเวลานาน 15 - 20 นาที หรืออาจจะใช้ตะไคร้ ให้นำมาปั่นแล้วเอาน้ำมาหมักผมที่แตกปลายให้กลับสู่สภาพปกติได้ดี
ทำสีผมสวย
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสีผมด้วยการใช้เฮนน่าผสมกับไข่แดง น้ำมันมะกอก กาแฟหรือชาโบราณก็ได้? แต่ไม่ควรใช้ชาจีนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วทิ้งเอาไว้นาน 12 ชั่วโมง ส่วนผสมจะมีลักษณะคล้ายโคลนให้นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักผมไว้นานประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยปรับสีผมให้ได้ออกมาเป็นสีโค้ก โดยถ้ายิ่งหมักทิ้งไว้นานกว่านั้นหรือหมักบ่อยเข้าผมก็จะมีสีออกแดงยิ่งขึ้นทั้งนี้ถ้าบีบมะนาวลงไปในส่วนผสมดังกล่าวด้วยก็จะทำให้สีที่ทำเกาะติดผมดียิ่งขึ้น แต่คนผมแห้งไม่ควรใช้มะนาวเนื่องจากกรดจะไปกัดผม
ไข่ - มีองค์ประกอบของเลซิติน โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินเอ-ดี อีคอเลสเตอรอล และแอนติออกซิแดนต์ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแข็งแรงมีสุขภาพดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.siamdara.com/
ใช้ดอกไม้มีกลิ่นหอมตามชอบใจไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สดอย่างดอกมะลิ (เลือกที่กำลังจะบาน) ดอกกุหลาบ (เลือกที่บานเต็มที่) ดอกแก้ว ดอกพุด เป็นต้น นำมาแช่ทิ้งไว้ในน้ำมันมะกอกนาน 3 - 6 ชั่วโมง ถ้าจะให้หอมมากอาจแช่ทิ้งไว้นานถึง 1 คืนก็ได้นอกจากนี้อาจจะใช้ผิวมะกรูดหรือผิวมะนาวบีบลงไปผสมด้วยเล็กน้อย จากนั้นให้นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักผมทิ้งไว้นานประมาณ 15 - 20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอาจใช้สูตรที่ทำจากดอกไม้แห้งก็ได้ โดยจะต้องนำดอกไม้แห้งไปเคี่ยวกับน้ำมันมะกอกจนได้ส่วนผสมเช่นเดียวกัน
น้ำมันมะกอก - ประกอบไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมนุ่มลื่นเงางามวิตามินเอและอีจะช่วยป้องกันการทำลายเส้นผมจากแสงแดดและอนุมูลอิสระ
ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนัก
ใช้กล้วยหอมที่สุกค่อนข้างจะงอมนำเอามายีหรือปั่นผสมกับน้ำมันมะกอก นำมาใช้หมักผมที่แห้งหมาดๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน 15 - 20 นาที เมื่อล้างออกแล้วให้ใช้มะกรูดเผาคั้นเอาน้ำมาชโลมผมนอกจากจะช่วยให้ผมมีน้ำหนักและสปริงตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้ผมมีกลิ่นหอมและไม่แห้งแตกปลายอีกด้วย
กล้วยหอม - มีองค์ประกอบของสารเพคตินที่จะช่วยเคลือบเส้นผมให้ผมนุ่มมันเงานุ่มลื่น โดยแร่ธาตุต่างๆ อาทิเช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม ฯลฯ จะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะป้องกันเส้นผมถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
บำรุงผมไม่ให้ร่วง
ป้องการผมหลุดร่วงโดยบำรุงผมให้แข็งแรงถึงรากผมด้วยการใช้ขิงแก่นำมาบดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำเอาไปอบไมโครเวฟก็ได้นำห่อขิงที่อบร้อนนั้นมาคลึงที่หนังศีรษะให้ทั่วเป็นเวลานานประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดการประคบดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ผมที่งอกขึ้นมามีรากผมที่แข็งแรง และไม่หลุดร่วง
ลดความมันของผม
ด้วยการใช้มะนาวหรือมะกรูดผสมกับน้ำเปล่านำส่วนผสมดังกล่าวมาชโลมผมแล้วไม่ต้องล้างออกอาจใช้สูตรน้ำส้มสายชูแทนได้แต่ต้องล้างออก
มะกรูด - มีองค์ประกอบของสารไนอาซีน เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดอินทรีย์อื่นๆ ที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะทำให้เส้นผมนุ่มมีน้ำหนักเงางามดกดำ และไม่มีรังแคช่วยปรับค่า pH ของเส้นผมที่มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้แชมพูอีกทั้งยังช่วยบำรุงผมไม่ให้หงอกก่อนวัย
ปกป้องผมจากรังแค
หากอยากมีเรือนผมสุขภาพดีที่ปราศจากรังแคและอาการคันศีรษะ หลังจากสระผมปกติแล้วให้ใช้น้ำซาวข้าวเหนียวหรือข้าวกล้องปริมาณ 1 ถ้วย นำมะกรูดเผากับมะนาวประมาณ 3 - 4 ผล มาแช่ในน้ำซาวข้าวดังกล่าวแล้วบีบเอาน้ำออกนำมาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาทีแล้วไม่ต้องล้างออก
ฟื้นฟูผมเสียสู่สภาพปกติ
บำรุงผมเสียให้กลับคืนสู่ผมที่มีสุขภาพดีได้ด้วยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกนำไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาหมักผมไว้เป็นเวลานาน 15 - 20 นาที หรืออาจจะใช้ตะไคร้ ให้นำมาปั่นแล้วเอาน้ำมาหมักผมที่แตกปลายให้กลับสู่สภาพปกติได้ดี
ทำสีผมสวย
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสีผมด้วยการใช้เฮนน่าผสมกับไข่แดง น้ำมันมะกอก กาแฟหรือชาโบราณก็ได้? แต่ไม่ควรใช้ชาจีนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วทิ้งเอาไว้นาน 12 ชั่วโมง ส่วนผสมจะมีลักษณะคล้ายโคลนให้นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักผมไว้นานประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยปรับสีผมให้ได้ออกมาเป็นสีโค้ก โดยถ้ายิ่งหมักทิ้งไว้นานกว่านั้นหรือหมักบ่อยเข้าผมก็จะมีสีออกแดงยิ่งขึ้นทั้งนี้ถ้าบีบมะนาวลงไปในส่วนผสมดังกล่าวด้วยก็จะทำให้สีที่ทำเกาะติดผมดียิ่งขึ้น แต่คนผมแห้งไม่ควรใช้มะนาวเนื่องจากกรดจะไปกัดผม
ไข่ - มีองค์ประกอบของเลซิติน โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินเอ-ดี อีคอเลสเตอรอล และแอนติออกซิแดนต์ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแข็งแรงมีสุขภาพดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.siamdara.com/
1. ไม่ควรนอนดึกหรืออดนอน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยใช้เวลาช่วงกลางคืนหมดไปกับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูละคร หรือทำงานก็ตามแต่ถ้าอยากหน้าใสไร้ริ้วรอยเมื่อถึงเวลาหัวค่ำแล้วก็ควรเข้านอนให้ตรงเวลาซะ หยุดกิจกรรมที่เคยชินเสียเดี๋ยวนี้ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
2. ควรดื่มน้ำในปริมาณอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ซึ่งน้ำในที่นี้ไม่นับพวกน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่ต้องเป็นน้ำเปล่าที่สะอาดไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป
3. ไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรบริหารหน้าด้วยการนวดหรือง่าย ๆ แค่ขยับปากพูดคำว่า ?อา อี เอ โอ อู? แค่นี้กล้ามเนื้อหน้าก็จะได้รับการดูแลไม่ให้เหี่ยวย่น
2. ควรดื่มน้ำในปริมาณอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ซึ่งน้ำในที่นี้ไม่นับพวกน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่ต้องเป็นน้ำเปล่าที่สะอาดไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป
3. ไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรบริหารหน้าด้วยการนวดหรือง่าย ๆ แค่ขยับปากพูดคำว่า ?อา อี เอ โอ อู? แค่นี้กล้ามเนื้อหน้าก็จะได้รับการดูแลไม่ให้เหี่ยวย่น
5. หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดที่แรงจัดมิเช่นนั้นหน้าของคุณจะแก่ก่อนวัยโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดดก็อย่าลืมใช้ครีมกันแดด SPF สูง ๆ ทาป้องกันก่อนเดินทางออกจากบ้าน
6. ใช้โลชั่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเสี่ยงหรืออยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้แก่ง่าย เช่น ในห้องแอร์ที่หนาวจัด ถ้าอยู่นาน ๆ ความเย็นที่ติดลบก็จะทำลายผิวหนังของคุณ
7. ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ยิ่งหากคุณเป็นสิวด้วยแล้วคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสำหรับการรักษาสิวเท่านั้น โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณลื่นขึ้นที่สำคัญห้ามแกะ แคะ บีบเกา บริเวณที่เป็นสิวอย่างเด็ดขาด
8. ความเครียดก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้หน้าคุณหมองคล้ำ ความเครียดเกิดจากหลายสาเหตุทั้งเรื่องงาน เงิน ครอบครัว หรือความรัก เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาใดมารบกวนจิตใจคุณก็จงอย่างเครียดค่อย ๆ แก้ไขอย่างมีสติและพยายามสงบใจไม่ให้เป็นทุกข์
9. หากคุณเป็นคนผิวแห้ง ก็ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอนทุกครั้งและถ้ามีส่วนใดที่แห้งเป็นพิเศษควรที่จะใช้โลชั่นที่มี AHA หาให้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้ามันก็แนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเจลจะเหมาะกว่าชนิดครีม
10. อย่าใช้มือสัมผัส จับ ลูบ ถูใบหน้าในช่วงระหว่างวัน และคุณควรจำไว้ให้ขึ้นใจว่าทุกครั้งเมื่อไปถึงที่ทำงานหรือทันทีที่กลับถึงบ้านต้องล้างมือก่อนเสมอ เพราะมือของเราจับต้องสิ่งสกปรกเชื้อโรค ฝุ่นละอองต่าง ๆ มาตลอดทั้งวัน และการที่คุณจะเผลอเอามือไปจับหน้าจับตาอาจทำให้สิวขึ้นใบหน้าได้
11. ล้างเครื่องสำอางออกอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยให้คุณล้างมาสคาร่าหรืออายุแซโดว์ด้วยเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อมิให้น้ำมันที่ว่าแทรกซึมไปตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ เพราะอาจจะไปกระตุ้นหรือระคาญเคืองผิวซึ่งอาจนำไปสู่การกำเนิดสิว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
first